ทั่วโลกซื้อกาแฟ Starbucks น้อยลง ในจีนก็สู้ไม่ไหว วิกฤตนี้ใหญ่กว่าที่คนเข้าใจ?

ส่วนตัว ผมมองว่ามีปัญหาเรื่องภาพลักษณ์ด้วย จากพฤติกรรมพนักงาน ที่สร้างดราม่าได้เรื่อยๆ ของไทยไม่น่ามี แต่ในต่างประเทศมีตลอด

ผมมีควานรู้สึกว่าราคาสตาร์บักมันแพงเมื่อเทียบราคาค่าแรง ขั้นตำ่ หรือรายได้ โดยเฉพาะโลกที่สาม

เป็นลูกค้าประจำStarbucksมาเกิน10ปี ลูกค้าของStarbucksคือพวกเด็กมหาลัย หรือวัยทำงาน มานั่งแช่ทำงาน นั่งติวหนังสือนานๆได้ ไม่ต้องกลัวโดนไล่แบบร้านกาแฟหลายๆร้านที่ทยอยเจ๊งกันไปเยอะ อีกกลุ่มคือสายตามกระแสถือกินแล้วดูเท่ แต่หลัง Covid จีนเศรษฐกิจไม่ดีกำลังซื้อลด คนWFHกันมากขึ้น ลูกค้าStarbucksจึงหายไปเยอะ

ผมว่ายากที่จะกลับมา คนเราเมื่อเปลี่ยนพฤติกรรมได้ระดับนึงแล้วและถ้ามันคุ้มค่ากว่า เค้าไม่กลับมาสตาร์บัคหรอกครับ ซึ่งสตาร์บัคเค้าไม่น่าจะเอาความคุ้มค่ามาสู้ได้อยู่แล้วครับ

ช่องพี่โจ้เป็นช่องทางธุรกิจที่ชอบฟังที่สุดครับ ทั้ง ๆ ที่ผมไม่ค่อยได้ติดตามวงการนี้เลย ขอบคุณนะครับพี่

ขอแชร์ในฐานะที่ไปเซี่ยงไฮ้ทุกปี (ยกเว้นช่วงโควิด) และเพิ่งได้กลับไปอีกครั้งในตอนมกราคมที่ผ่านมานะคะ พูดถึงกาแฟ Luckin (กวาง) กับกาแฟ Starbucks (เงือก) ที่บอกว่าแข่งกันดุเดือดจนกาแฟเงือกถอยร่น ปัจจัยเรื่องราคาก็นับว่าใช่อยู่ แต่แค่ส่วนเดียวเท่านั้น เราคิดว่าปัญหาคงเป็นทาร์เก็ตของเงือกเองด้วยมากกว่า เรื่องคือ วิธีการสั่งซื้อกวางก่อนโควิดจะเป็นแบบ การซื้อกลับบ้านกับเดลิเวอรี่ (จนถึงตอนนี้อาจจะมีบางสาขาที่พอจะมีที่นั่งที่ไม่น่านั่ง แต่ก่อนหน้านั้นน้อยมาก) ในขณะที่เงือกจะเป็นร้านที่มีที่นั่งค่ะ ดังนั้น ลูกค้าที่ซื้อเงือก ส่วนหนึ่่งคือต้องการบรรยากาศและสถานที่ โดยเฉพาะพื้นที่ธุรกิจ ทั้งคุยงาน ทั้งทำงาน เงือกเลยตอบโจทย์คนกลุ่มนี้มากๆ แต่พอโควิด เจอไปดอกหนึ่งตรงที่เขาห้ามนั่่งให้สั่งกลับอย่างเดียว ดอกต่อมาคือ ช่วงหลังโควิด ซึ่งก็คือปีนี้ (สำหรับเรา ตอนที่เพิ่งกลับไปเมื่อมกราคมที่ผ่านมาถือว่าเริ่มเป็นปีแรกในขณะทีเมืองไทยเข้าสู่ปีที่สอง) ก็น่าจะพอจินตนาการไทยตอนเริ่มเปิดประเทศปีแรกได้ว่ามันออกจะเงียบๆ อยู่บ้างจากกำลังทรัพย์ของคน ใช้ตัวเลขในช่วงปีนี้วัดอาจจะไม่ค่อยแฟร์สักเท่าไหร่ (ไหมนะ อันนี้เครื่องหมายคำถามไว้ก่อนค่ะ) ดอกสาม นั่นคือ ปัญหาอสังหาริมทรัพย์ในจีน ที่นั่นเขาจะสร้างตึกขึ้นมาก่อนค่ะ แล้วค่อยยัดผู้คนเข้าไปในนั้น (มันถึงได้เฟ้อจนแตกไงคะ) พอหลังโควิด สำนักงานและคนไม่ได้ถูกใส่เข้าไปตามที่วางแผนไว้ก่อนโควิด รวมทั้งความเคยชินจาก WFH ทำให้คนไม่ได้ไปสำนักงานกัน คนไม่ได้ต้องการที่ทางในกาแฟเงือกเพื่อทำงานหรือพบลูกค้าอีกแล้ว ไลฟ์สไตล์ของคนเปลี่ยนไป และในเมื่อไม่มีที่ทางหรือบรรยากาศร้านมาเป็นตัวช่วย เลยค่อยมาเป็นดอกที่สี่ในเรื่อง วัดกันที่รสชาติกาแฟกับราคาล้วนๆ เราว่ากาแฟกวางเมื่อเทียบกับราคาแล้วอร่อยกว่าเงือกค่ะ (ที่จริงมีอีกยี่ห้อที่เปิดสาขาโหดพอๆ กับกวางคือ Manner และเช่นกัน อร่อยกว่าเงือก เราแทบไม่เคยเห็น KCoffee หรือ Cotti ที่อยู่ในภาพเปรียบเทียบเลย สงสัยถ้าเจอจะถือโอกาสไปลองชิมนะคะ น่าสนใจๆ) แต่ข้อดีของเงือกก็คือ ค่อนข้างมาตรฐาน ถ้าเป็นคนต่างชาติไปที่นั่น เงือกคือกาแฟปลอดภัยที่มั่นใจว่ากินแล้วรสชาติไม่แปลกลิ้นแน่ๆ แต่เปิดโควิดมา ต่างชาติที่เคยบินไปเพื่อคุยธุรกิจแบบก่อนโควิดลดลงไป คนเคยชินกับวีดีโอคอลไปแล้ว ไม่ได้จำเป็นต้องบินไปหาอีกถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ดังนั้นคนต่างชาติที่ว่าก็คงเป็นเป็นแค่นักท่องเที่ยวแล้วที่หวังพึ่งได้ สรุป เจอหลายดอกค่ะ ส่วนที่เคยเป็นจุดแข็งของเขามันกลายเป็นสิ่งไม่จำเป็นและเจอเรื่องพฤติกรรมเปลี่ยนไปแล้ว เงือกคงต้องทบทวนพฤติกรรมลูกค้าหลักของตัวเองซึ่งตอนนี้เปลี่ยนไปแล้ว ก็ต้องลองดูว่าเขาจะแก้เกมยังไง (แต่ในฐานะผู้บริโภค เงือกมีโปรซื้อกาแฟจะซื้ออาหารเช้าได้ 9 หยวนหรือประมาณ 45 บาทจากราคาปกติสัก 20++ หยวน หรือ 100++ บาท ถ้าเทียบราคานี้ในเซี่ยงไฮ้ถือว่ารวมสองอย่างนี้เข้าด้วยกันก็ถือว่าอาหารเช้าปกติกับกาแฟกวาง แพงกว่าแค่นิดเดียวเท่านั้น อาหารเช้าแบบที่ไม่มีในไทย เราก็เอ็นจอยอยู่นะคะ)

ผมก็เป็นคนดื่มกาแฟเหมือนกัน แต่ผมเป็นหนึ่งคนที่ไม่เข้าร้านกาแฟประเภทนี้เลย ไม่ใช่ว่าเค้าไม่ดี แต่ ผมมองว่ามันเป็นการใช้เงินฟุ้งเฟ้อเกินไปกับราคาที่ต้องจ่าย อย่างที่คุณโจ้บอก มันมีอีกหลายอย่างที่มีความจำเป็นต้องจ่ายมากกว่า

ราคาสุงเกินไปครับ ก่อนนี้เคยชื้อ2-3 วัน ต่อครั้งครับ แต่ตอนนี้ขอเดือนละ 1-2 แก้วพอครับ บางเดือนเป็น 0 แก้วก็มีครับ เศรษฐกิจแบบนี้เชฟได้เชฟครับ หุ้นก็ตก ค้าขายก็ไม่ดี ทำตัวหรูไม่ได้จริงๆครับ

คนเขาตาสว่างแล้วครับ ว่าของแพงและความหรูหรา เป็นเพียงสิ่งไร้สาระและไม่มีความจำเป็นต่อชีวิตมากมายขนาดนั้น

กาแฟ home use มันเติบโตขึ้นทุกปี คอกาแฟตัวจริง เข้าใช้ espresso machine + ใช้เมล็ดกาแฟคุณภาพดีจากทั่วโลก มาใช้ทำกินเองกันทุกบ้านแล้วครับ.....คนที่อยู่ในวงการกาแฟเขารู้เรื่องนี้ดี

ผมก็ดื่มกาแฟเยอะนะครับ แต่ผมเป็นกาแฟสำเร็จรูปเสียมากกว่า ไม่ใช่ทรีอินวันด้วยแต่เป็นกาแฟผง ใส่น้ำชงดื่มเพื่อจะเอาคาเฟอีนและช่วยทำให้ขี้ง่าย มันมีแค่นั้นเองสิ่งที่ผมต้องการดังนั้น 219 หรือ 250 บาท ผมจึงกินได้ทั้งเดือนเลย

หันกลับมาชงเองที่บ้าน 4 คน เดือนนึงประหยัด ไปได้หลายพันบาท

ผมคิดว่า ถ้าเศรษฐกิจฟื้นตัว ก็มีความเป็นไปได้ที่Starbucks จะมีผลประกอบการที่ดีขึ้นตาม คนส่วนใหญ่มองStarbucks เป็นบริการมากว่าบริโภค ถ้าคนกลับมากล้าใช้เงิน ก็อาจจะมองที่life style และประสบการณ์

ติดดอยกาแฟอยู่จ้า วันนั้นอุตส่าห์ตัดสินใจงดกินกาแฟมาซื้อหุ้นแทนหวังเก็บเงินเจ็บใจนิดนึงถ้าวันนั้นกำเงินไปกินกาแฟแทนคงดีกว่า แต่จริงเลยคนรวยจริงๆ เขาซื้อเครื่องซื้อเมล็ดทำเองเลยจ้า ไม่มาสั่งกินหรอกเนอะ กาแฟที่เลือกกินขึ้นอยู่กะเงินกระเป๋าแหละเนาะ ดีนะตอนนี้ติดกาแฟดริป ทำกินเองประหยัดขึ้นเยอะเลย

ขอบคุณนะคะติดตามทุกคลิปเลยค่ะ

การตลาดคือการเข้าใจลูกค้า คุณโจ้วิเคราะห์แล้วอธิบายให้เสมือนเราเป็นคนจีนจริงๆ เลยครับ เพราะยังไงคนจีนก็ดื่มชามากกว่ากาแฟอยู่ดี

รอ topic นี้มานาน 😃 ขอบคุณสำหรับสาระดีๆในเช้านี้ค่ะ

มันแพง เมื่อเทียบกับสินค้าของใช้ที่มาจากจีนหลักสิบหลักร้อยที่ทะลักเข้ามา กำลังสร้างปัญหาให้กับทางยุโรปอเมริกา ตอนนี้ที่ไทยด้วย ราคากาแฟสามารถซื้อสินค้าจีนได้หลายอย่างเลยนะ เหตุผลสำคัญอีกอย่างนะ คนหันไปซื้อสินค้าเพื่ิอสุขภาพแทนกาแฟรสชาติดีๆแต่กินมากแล้วอ้วนแทนไงละ

จริงอย่างคุณโจ้ว่าครับ มีเก็บมีใช้อยู่ แต่ต้องปรับใหม่เยอะมาก ตัดได้ตัด ปรับไลฟ์สไตล์

โดยปกติไม่ได้ดื่มกาแฟ Starbucks เหตุผลคือ 1. ราคาสูง 2. เฉยๆ กับรสชาติ แต่พักหลังนี้ มีเหตุให้ต้องเข้าร้าน Starbucks บ่อยขึ้น เหตุผลคือ Starbucks เป็นร้านกาแฟที่สามารถนั่งทำงาน/นัดคุยงาน ได้โดยที่ไม่ต้องกลัวพนักงานจะมาไล่ โดยเฉพาะสาขาที่คนไม่พลุกพล่านมาก สามารถนั่งทำงาน/คุยงานได้ยาวๆ หลายสาขายังมีโต๊ะประชุมคุยงานโดยเฉพาะ เรียกว่าเสียเงินให้ Starbucks เพราะเรื่องสถานที่นัดคุยงาน/ทำงาน เป็นหลักจริงๆ อันนี้คือตอบโจทย์เรื่องงานของผมในตอนนี้ แต่ถ้าไม่ใช่เรื่องงาน ชีวิตปกติคือกินกาแฟทั่วไป ไม่ได้เข้า Starbucks ครับ